Categories
เรื่องน่ารู้

พฤติกรรมอัจฉริยะโลก พวกเขามีนิสัยดีนิสัยเสียอย่างไรบ้าง?

ผมเคยอ่านหนังสือหลายเล่มบอกว่าเราอยากให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร ให้หาต้นแบบแล้วทำตามเค้า ใช้ชีวิตเหมือนเค้า แล้วเราจะประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการ แต่ผมว่าบางครั้งเราควรพิจารณาด้วยว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เลือกแต่สิ่งดีๆ สิ่งไม่ดีอย่าไปทำเลย

ที่มาของความคิด –>

เราเคยได้ยินทริคมากมายในการพัฒนาสมอง เรียนให้เก่ง อาหารเสริมไอคิว บลา บลา บลา อย่ามัวแต่ฟังแต่ทริคอยู่เลย ลองมาดู Facts ว่าจริงๆ แล้วเหล่าอัจฉริยะของโลกเขามีนิสัยและตัวตนอย่างไร

Online-PHD-Programs.org ทำการวิจัยเชิงสำรวจถึงพฤติกรรมที่ดีและไม่ดีต่อของเหล่าอัจฉริยะและพบว่า พวกมีไอคิวสูงมีแนวโน้มจะวางเป้าหมายในชีวิตและอ่านหนังสือมาก พวกเขายังมีแนวโน้มจะดื่มหนักและทนทรมานจากความเป็นกังวล

เพราะโลกไม่ได้มีด้านเดี๋ยว อัจริยะก็ไม่ได้บริสุทธ์และผ่องแผ้วอย่างที่เราเคยเห็นตามชีวประวัติสวยๆ ของพวกเขา ลองดูกันดีกว่าว่ามีนิสัยอะไรบ้างที่คุณและพวกเขาน่าจะเป็นเพื่อนกันได้

ใจความสำคัญ

ไอคิวโดยเฉลี่ยของคนปกติอยู่ที่ 100

เหนือค่าเฉลี่ยนอยู่ที่ 115

อัจฉริยะ 140

อัจฉริยะไม่ธรรมดา 160

พฤติกรรมที่ดี

  1. พวกเขาเป็นพวกกัดไม่ปล่อย
  2. พวกเขาวางเป้าหมาย
  3. พวกเขาเป็นนักอ่านตัวยง
  4. พวกเขามีมาตรฐานทางจริยธรรมของตัวเอง
  5. พวกเขาคิดทบทวนความคิดของตัวเอง

พฤติกรรมที่ไม่ดี

  1. พวกเขาชอบดื่มแอลกอฮอล์
  2. พวกเขาลองยาเสพติด
  3. พวกเขานอนดึก
  4. พวกเขาเป็นพวกเครียด

จำไว้ว่าแม้อัจฉริยะจะมีนิสัยเสียสุดกู่บางอย่าง ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าพวกคุณทำบ้างแล้วจะฉลาดเหมือนพวกเขา!

habits-worlds-smartest-people

ที่มา: http://www.marketingoops.com/ads-ideas/inspiration/genius-bad-and-good-habit/

 

Categories
ข้อคิดดีๆ เรื่องน่ารู้

คำถามสะท้านโลก – คำถามสั้นๆ บางครั้งถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโลกได้

บทความนี้ผมจึงขออนุญาตเล่นสนุกกับท่าน โดยจะนำคำถามสะท้านโลกทางเศรษฐศาสตร์ และการตลาดมาให้ท่านช่วยลองตอบ คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่สร้างความฉงนสงสัยให้แก่นักวิชาการมาแล้วทั่วโลก แถมช่วยแสดงให้เห็นพฤติกรรมแปลกๆ บางอย่างของผู้บริโภคได้อย่างน่าสนใจ
ก่อนจะเริ่มอ่านต่อไป ขอเรียนว่ากรุณาอย่าเหลือบตาลงไปดูเฉลยก่อนตอบเชียวนะครับ…แฮ่ม

คำถามแรก

1.1 จงเลือกระหว่าง ข้อ ก. รับเงิน 90,000 บาทแบบไม่ต้องลุ้น กับ ข้อ ข. โอกาส 90% ที่จะได้เงิน 100,000 บาท

1.2 จงเลือกระหว่าง ข้อ ก. เสียเงิน 90,000 บาทแบบไม่ต้องลุ้น กับ ข้อ ข. โอกาส 90% ที่จะเสียเงิน 100,000 บาท

เฉลย

ในทางทฤษฎีความน่าจะเป็นนั้นทางเลือก ก. และข. ไม่แตกต่างกัน ดังนั้นคำตอบของคำถามข้อนี้ก็ควรจะเป็นว่า “ฉันคิดไม่ตก เลือกไม่ถูก” ส่วนทฤษฎีเศรษฐศาสตร์คลาสสิคนั้นคาดการณ์ว่าหากท่านเลือก ทางเลือกใดใน 1.1 แล้วก็ควรจะเลือกทางเลือกเดียวกันใน 1.2 ด้วย

แต่หากว่าท่านเลือก “ข้อ ก. ใน 1.1 และ เลือกข้อ ข. ใน 1.2” แบบไม่ต้องคิดให้ปวดขมองอย่างที่ทฤษฎีทั้งสองคาดการณ์ไว้ ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะคนส่วนใหญ่ก็เลือกข้อ ก. และ ข. ตามลำดับเช่นกัน

ศาสตราจารย์ Amos Tversky และ Daniel Kahneman อธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า ผู้บริโภคจะ ”หลีกเลี่ยงความเสี่ยง” เมื่อรู้สึกว่าตนเองจะ “ได้” รับประโยชน์ แต่ผู้บริโภคคนเดิมจะกลายร่างเป็นพวก ”ชอบเสี่ยง” เมื่อต้องเผชิญกับโอกาสที่จะ “สูญเสีย” ประโยชน์

คำถามสะท้านโลกสั้นๆ นี้ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์สำคัญ Prospect theory ที่ทำให้ ศาสตราจารย์ Kahneman ได้รับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ. 2002

ในทางการตลาด แนวคิดนี้ถูกต่อยอดไปจนสามารถอธิบาย “ความรู้สึกที่แตกต่างกันของการได้รับกับการสูญเสีย” ได้อย่างมาก เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ขอให้ท่านลองตอบคำถามข้อถัดไปดูครับ

คำถามที่สอง

2.1 หากท่านได้รับเงิน 10,000 บาทฟรีๆ ในตอนนี้ท่านจะรู้สึกดีเท่าใด จาก 1 ถึง 10 (1 = น้อยที่สุด : 10 = มากที่สุด)

2.2 หากในตอนนี้ท่านล้วงกระเป๋าแล้วพบว่าเงินของท่านหล่นหายไป 10,000 บาท ท่านจะรู้สึกแย่แค่ไหน จาก 1 ถึง 10 (1 =น้อยที่สุด : 10 = มากที่สุด)

เฉลย

ในทางเศรษฐศาสตร์คลาสสิค ความรู้สึกดีที่ได้เงินกับความรู้สึกแย่ที่สูญเสียเงินจำนวนเดียวกัน “ควรจะเท่ากัน”

อย่างไรก็ตามจากการทดลองปรากฏว่า ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นไปตามทฤษฎี คนส่วนใหญ่ “รู้สึกแย่จากการสูญเสียมากกว่ารู้สึกดีจากการได้เงินจำนวนเดียวกัน” ประมาณ 2 เท่า

เรื่องนี้ใช้อธิบายพฤติกรรมของนักกอล์ฟได้ดีว่าทำไมจึงตั้งใจตีมากกว่าโดยอัตโนมัติเมื่อต้องการ save par (เพราะไม่ต้องการ “เสีย” คะแนน) เมื่อเทียบกับการจะทำ birdie (เพราะเป็นเพียงการ “ได้” คะแนนเพิ่ม)

จากแนวคิดดังกล่าวทำให้ทราบกว่าการชดเชยความผิดพลาดทางการตลาดนั้นต้อง “ชดเชยมากกว่าสิ่งที่ลูกค้าสูญเสียไป” เป็นเท่าตัว จึงจะเรียกศรัทธาลูกค้ากลับคืนมาได้ ดังนั้นคำแนะนำอย่างหนึ่งทางการตลาดก็คือ ต้องหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทางการตลาดทั้งหลายให้มากที่สุด เพราะ “การแก้ปัญหานั้นราคาแพงระยับ”

คำถามที่สาม

คุณญาญ่าญิ๋งอายุ 31 ปี เป็นคนช่างพูดช่างคุย เฉลียวฉลาด และโสด จบการศึกษาด้านสังคมวิทยา ตั้งแต่เล็กยันโตคุณญาญ่าญิ๋งสนใจใฝ่รู้ในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกชมรมอาสาสมัครต่างๆ ที่ช่วยปัญหาทางสังคมหลายแห่ง
จากข้อมูลข้างต้น ข้อใดต่อไปนี้น่าจะมีความเป็นได้มากที่สุด

ก. คุณญาญ่าญิ๋งเป็นพนักงานธนาคาร
ข. คุณญาญ่าญิ๋งเป็นพนักงานธนาคารที่สนใจเรื่องสิทธิสตรี

เฉลย

ตามหลักการทางคณิตศาสตร์ง่ายๆ นั้น “ข้อ ก. มีความเป็นไปได้มากกว่า” หรือย่างน้อยก็เท่ากับข้อ ข. ทั้งนี้เพราะพนักงานธนาคารที่สนใจเรื่องสิทธิสตรีทุกคนล้วนเป็นพนักงานธนาคาร แต่พนักงานธนาคารทุกคนไม่จำเป็นต้องสนใจสิทธิสตรี

แต่จากการทดลองกับนักศึกษาหัวกะทิจากมหาวิทยาลัย Stanford พบว่า “ร้อยละ 85 กลับไปเลือกข้อ ข.”

ศาสตราจารย์ Tversky และ Kahneman เจ้าเก่าอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่าเป็นกระบวนการของสมองมนุษย์ที่ต้องการความเร็ว จึงตัดคำถามส่วนที่เหมือนกันคือ “คุณญาญ่าญิ๋งเป็นพนักงานธนาคาร” ออก เหลือเพียงส่วนที่ต่างกัน คือ “คุณญาญ่าญิ๋งสนใจเรื่องสิทธิสตรีหรือไม่” ซึ่งจากข้อมูลที่ให้มาข้างต้นก็น่าจะใช่ จึงเลือกตอบข้อ ข.

ในทางการตลาด หากสินค้าของท่านอ้างว่ามีคุณสมบัติเช่นเดียวกับของสินค้าคู่แข่งอย่างครบถ้วนแถมสินค้าของท่านยังมีคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติมด้วยแล้ว ไม่เพียงจะสร้างความโดดเด่นทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นแถมยังจะช่วยทำลูกค้าจะมองว่าสินค้าคู่แข่ง “ไม่เหลือคุณสมบัติอะไรเลย” เนื่องจากกระบวนการ “ตัดส่วนที่เหมือนกันออกไป” ของผู้บริโภคนี่เอง

คำถามที่สี่

สมมติว่าท่านเป็นแฟนตัวยงของพี่เบิร์ด ธงไชย

4.1 ท่านจะยอมจ่ายเงินเท่าใดเพื่อซื้อตั๋วคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดที่จะจัดขึ้นในปีหน้า

4.2 หากท่านมีตั๋วคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดดังกล่าวอยู่ในมือ คนอื่นต้องจ่ายเงินเท่าใดท่านจึงจะยอมปล่อยตั๋วไป

เฉลย

ตัวเลขทั้งสองควรจะ “เท่ากัน” แต่จากการทดลองด้วยคำถามที่คล้ายกันนี้ ณ มหาวิทยาลัย Duke ในสหรัฐอมริกาพบว่า ตัวเลขที่ทำให้คนยอมขายสูงกว่าตัวเลขที่ยอมซื้อหลายเท่าตัว

ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Endowment effect ซึ่งศาสตราจารย์ Richard Thaler แห่งมหาวิทยาลัย Chicago อธิบายไว้ว่าความรู้สึกเป็นเจ้าของจะทำให้มูลค่าของสินค้าสูงขึ้นในใจผู้บริโภคอยากก้าวกระโดด

กลยุทธ์การตลาดที่ใช้ได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ คือ การรับประกันความพึงพอใจ คืนเงินใน 30 วัน “จากสถิติพบว่าลูกค้าจำนวนน้อยมากที่จะคืนสินค้าหลังจากซื้อไปแล้วแม้จะไม่พอใจนักก็ตาม” ทั้งนี้เพราะ “ความรู้สึกเป็นเจ้าของ” สร้างมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัวให้แก่สินค้าตามหลักการข้างต้น

ท่านตอบคำถามคำถามสะท้านโลกเหล่านี้ได้ถูกต้องตามทฤษฎีกี่ข้อครับ

หากตอบถูกต้องทุกข้อ ผมขอชื่นชมว่าท่านต้องเป็นสุดยอดหัวกะทิทางการคำนวณ หากท่านตอบถูกบ้างไม่ถูกบ้างผมก็ขอคารวะท่านในฐานะที่เป็นผู้ที่คิดได้อย่างเหตุเป็นผลอย่างร้ายกาจ

แต่หากท่านตอบ “ผิด” ทุกข้อ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยเพราะว่าท่านถือเป็นปุถุชนคนปกติ เช่นเดียวกับตัวผมเองซึ่งตอบไม่ถูกเลยสักข้อเดียว

ขอขอบคุณอาจารย์Jake https://www.facebook.com/marketing1081009

Categories
เรื่องชวนคิด จากประสบการณ์ เรื่องน่ารู้

เมื่อไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำสุด จะส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร? by อภิศิลป์ ตรุงกานนท์

ไปเจอกราฟอัตราการว่างงานของแต่ละประเทศในเว็บฝรั่ง ข้อมูลในกราฟบ่งบอกว่าไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำสุด คือในประชากร 100 คน มีคนว่างงานไม่ถึง 1 คน ข้อมูลนี้บอกอะไรเราบ้าง? และอัตราการว่างงานที่ต่ำแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อเรายังไง?

อัตราการว่างงานของประเทศต่างๆ

ถ้าคุณเป็นลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือรับค่าจ้างรายวัน ช่วงนี้คุณมีโอกาสเลือกงานได้ค่อนข้างมาก มีคนฝากให้ผมช่วยหาคนทำงานด้าน Digital Marketing อยู่บ่อยๆ แต่บอกตามตรงว่าผมไม่รู้จะหาจากที่ไหนเหมือนกัน ใครที่มีความรู้ความสามารถด้านนี้ เรียกได้ว่ามีบริษัทหลายสิบแห่งที่อ้าแขนรอรับคุณอยู่เลย

ถ้าคุณเป็นผู้บริหาร ไม่ว่าจะเป็นนายจ้างหรือลูกจ้างมืออาชีพ และกำลังมีแผนการลงทุนเพื่อขยายกิจการซึ่งจะต้องรีครูทคนเข้ามาเยอะ คุณควรนำปัจจัยเรื่องการหาคนไม่ได้ไปพิจารณาด้วย เพราะมันอาจทำให้แผนงานของคุณล่าช้ากว่าที่คิด บริษัทผมพยายามรีครูทโปรแกรมเมอร์เข้ามาหลายตำแหน่งมาก ซึ่งก็ยากกว่าที่คิดไว้เยอะ

ถ้าคุณเป็นฝ่าย HR ของบริษัท คุณจะรีครูทคนได้ยากขึ้น และยังต้องพยายามดึงคนเก่าไว้ไม่ให้ไหลไปที่อื่น อาจจะต้องจัดหาสวัสดิการที่ดึงดูดใจมากขึ้น หรือไม่ก็ใช้วิธีส่งคนไปฝึกอบรมพร้อมจับเซ็นสัญญาว่าต้องทำงานให้กี่ปี

ถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์ รับจ้างทำงานให้บริษัทอื่นๆ ช่วงนี้คือเวลาทองของการทำเงิน ลูกค้าของคุณหาคนทำงานประจำให้ไม่ได้ก็ต้องพึ่งพาเอาต์ซอร์ส ปัญหาคือคุณจะรับมือกับปริมาณงานที่ทะลักเข้ามาอย่างไรในเมื่อคุณมีเวลาอยู่จำกัด ผมจ้างผู้รับเหมาทำบิ๊วท์อินที่คอนโด ปรากฎว่างานเสร็จล่าช้ากว่ากำหนด เพราะผู้รับเหมารับงานไว้หลายห้อง เลยต้องแบ่งช่างไปทำห้องอื่นด้วย

ถ้าคุณคิดจะเป็นผู้ประกอบการ SME และต้องหาลูกน้องมาช่วยงาน เช่น อยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ ต้องการเด็กมาช่วยงานสัก 4-5 คน ผมว่าคุณอย่าเพิ่งคิดดีกว่า เพราะธุรกิจเล็กๆ หาคนลำบากกว่าธุรกิจใหญ่ ลองคิดว่าจะทำคนเดียวยังไง หรือไม่ก็ชวนเพื่อนๆ มาทำด้วยกันดีกว่า

ถ้าคุณเป็นลูกค้าของธุรกิจที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ให้ทำใจว่างานจะเสร็จล่าช้าและอาจมีปัญหาด้านคุณภาพ ตอนนี้มีโครงการคอนโดหลายๆ ที่สร้างเสร็จไม่ทันตามกำหนด เพราะขาดแคลนแรงงาน รวมถึงนโยบายค่าแรง 300 บาทที่ทำให้ต้นทุนของโครงการสูงขึ้น ทำให้โครงการใช้วิธีจ้างช่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีฝีมือด้อยกว่า ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องคุณภาพงานตามมา

ส่วนตัวผมมองว่าในสถานการณ์แบบนี้ การเป็นลูกจ้างและรับงานฟรีแลนซ์ไปด้วย ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ คุณยังมีความมั่นคงทางรายได้ทุกเดือน และมีสวัสดิการในแบบที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ขณะที่คุณก็ยังมีโอกาสรับงานนอกมาทำในช่วงเวลาว่างเพื่อสร้างรายได้เสริมได้ด้วย แต่ผมไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานแบบนี้จะคงอยู่อีกนานแค่ไหน และ AEC จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญหรือเปล่า

 

ที่มา: http://macroart.net/2013/07/how-lowest-unemployment-rate-of-thailand-affect-to-you/

Categories
เรื่องน่ารู้

บริจาคเลือด

ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ ( จากด้านล่าง อย่าลืมเลื่อนลงไปอ่านด้วยนะ )
สิทธิพิเศษสำหรับผู้บริจาคโลหิตค่ะ
1. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษและ ค่าอาหารพิเศษได้ ไม่เกินร้อยละ 50
2. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 16 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล + ค่าห้องพิเศษและค่าอหาร ได้ร้อยละ 50
3. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 24 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล 100% + ค่าห้องพิเศษและค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50
4. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ” ขอพระราชทานเพลิงศพ ” ได้เป็นกรณีพิเศษ ** เฉพาะผู้บริจาคโลหิตเท่านั้น ไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ **
5 ผู้ บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 9 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ตรวจวิเคราะห์สารเคมีในโลหิต ได้ เช่น ตรวตจหาน้ำตาล , ไขมัน , การทำงานของตับ , การทำงานของไต ฯลฯ
โดยผู้บริจาคโลหิตสามารถใช้สิทธิ์ได้ ปีละ 1 ครั้ง